ข้อบังคับ
ของ
ชมรมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตจังหวัดพิษณุโลก
...............................
หมวดที่ 1
ความรู้ทั่วไป
ข้อ 1 ชมรมนี้มีชื่อว่า : ชมรมเพื่อผู้บกพร่องทางจิตจังหวัดพิษณุโลก
ย่อว่า : ชบจ.พล.
เรียกเป็นภาษาอังกฤษว่า : ASSOCIATION FOR THE MENTALLY ILL. OF PITSANULOKE
ย่อว่า : AMI.PL.
ข้อ 2 เครื่องหมายของชมรม
มีลักษณะเป็นรูป วงกลม ลายด้านในเป็นรูปคนพิการนั่งรถวิลแชร์อยู่กลางหัวใจที่แตกออกจากกัน และมีเส้นลายกราฟฟิกลากผ่าน มีความหมายว่า
คนพิการที่อยู่ในรูปหัวใจ หมายถึง คนพิการที่มีความบกพร่องทางจิต
เส้นลายกราฟฟิก หมายถึง ความสามัคคี กลมเกลียว ร่วมมือร่วมใจ ของคนในชมรมฯ และหน่วยงานภาคี เครือข่ายที่เกี่ยวข้อง
สีชมพู หมายถึง ความรัก ความอบอุ่น ความเมตตา ความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่
ข้อ 3 สำนักงานของชมรมฯตั้งอยู่ 191/15 อาคารเพื่อผู้พิการอำเภอบางระกำ ( กศน. ) ม.7 ถนน พิษณุโลก – กำแพง ตำบลบางระกำ อำเภอบางระกำ จังหวัดพิษณุโลก 65140
ข้อ 4 วัตถุประสงค์ของชมรม เพื่อ
4.1 ให้การปรึกษาและช่วยเหลือผู้บกพร่องทางจิต และครอบครัวให้สามารถดำเนินชีวิตอิสระอยู่ในสังคมได้
4.2 พิทักษ์สิทธิในด้านต่างๆของผู้บกพร่องทางจิต และครอบครัว
4.3 รณรงค์ให้ครอบครัว ชุมชน และสังคมมีความรู้ ความเข้าใจ มีเจตคติเชิงสร้างสรรค์ และยอมรับผู้บกพร่องทางจิต
4. ประสานความร่วมมือกับหน่ายงานที่เกี่ยวข้องทั้งในประเทศและต่างประเทศเพื่อการพัฒนาศักยภาพในด้านต่างๆของผู้บกพร่องทางจิต
5. ส่งเสริมการวิจัยเพื่อป้องกัน รักษา และฟื้นฟูสมรรถภาพทางการแพทย์ ทางการศึกษา ทางสังคม และทางอาชีพแก่ผู้บกพร่องทางจิต
6. ส่งเสริมค่านิยม และวัฒนธรรมอันดีในมวลหมู่สมาชิก และสังคม
7. ช่วยเหลือผู้บกพร่องทางจิต กลุ่มเสี่ยงและคนพิการทุกประเภทให้มีความเสมอภาคเท่าเทียมกันในสังคม
หมวดที่ 2
สมาชิก
ข้อ 5 สมาชิกของชมรมมี 2 ประเภท คือ
5.1 สมาชิกสามัญ ได้แก่ บุคคลทั่วไปที่สนใจ ผู้ป่วย ผู้พิการทางจิต ผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องในการดูแลผู้ป่วย และผู้พิการทางจิต
5.2 สมาชิกกิตติมศักดิ์ ได้แก่ บุคคลผู้ทรงเกียรติ หรือทรงคุณวุฒิ หรือผู้มีอุปการคุณแก่ชมรม ซึ่งคณะกรรมการลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของชมรม
ข้อ 6 สมาชิกจะต้องประกอบด้วยคุณสมบัติ ดังต่อไปนี้
6.1 เป็นผู้บรรลุนิติภาวะแล้ว
6.2 เป็นผู้มีความประพฤติเรียบร้อย
6.3 ไม่เป็นโรคที่สังคมรังเกียจ
6.4 ไม่ต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุดให้เป็นบุคคลล้มละลาย หรือไร้ความสามารถหรือเสมือนไร้ความสามารถ หรือต้องโทษจำคุก ยกเว้นความผิดฐานประมาท หรือลหุโทษ การต้องคำพิพากษาของศาลถึงที่สุด ในกรณีกังกล่าว จะต้องเป็นในขณะที่สมัครเข้าเป็นสมาชิกหรือในระหว่างที่เป็นสมาชิกของชมรมเท่านั้น
ข้อ 7 ค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงสมาคม
7.1 สมาชิกสามัญ จะต้องเสียค่าลงทะเบียนครั้งแรก..............-............. บาท
ค่าบำรุงสมาคมเป็นรายเดือนๆ...................-.............บาท
หรือค่าบำรุงเป็นรายปีๆละ.........................-.............บาท
7.2 สมาชิกกิตติมศักดิ์ มิต้องเสียค่าลงทะเบียนและค่าบำรุงชมรมแต่อย่างใดทั้งสิ้น
ข้อ 8 การสมัครเข้าเป็นสมัครสมาชิกของชมรม ให้ผู้ประสงค์จะสมัครเข้าเป็นสมาชิกของชมรมยื่นใบสมัครตามแบบชมรมต่อเลขานุการ โดยมีสมาชิกสามัญรับรองอย่างน้อย 1 คน และให้เลขานุการติดประกาศรายชื่อผู้สมัครไว้ ณ สำนักงานของชมรม เป็นเวลาไม่น้อยกว่า 15 วัน เพื่อสมาชิกอื่นๆของชมรมจะได้คัดเลือก การสมัครนั้น เมื่อครบกำหนดประกาศแล้ว ก็ให้เลขานุการนำใบสมัครและหนังสือคัดค้านของสมาชิก
(ถ้ามี) เสนอต่อที่ประชุมคณะกรรมการเพื่อพิจารณาอนุมัติว่าจะรับหรือไม่รับเข้าเป็นสมาชิกของชมรมและเมื่อคณะกรรมการพิจารณาการสมัครและผลเป็นประการใด ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งให้ผู้สมัครทราบโดยเร็ว
ข้อ 9 ถ้าคณะกรรมการพิจารณาอนุมัติให้รับผู้สมัครเข้าเป็นสมาชิก ก็ให้ผู้สมัครนั้นชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงชมรมให้เสร็จภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งจากเลขานุการ และสมาชิกภาพของผู้สมัคร ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่ผู้สมัครได้ชำระเงินค่าลงทะเบียน และค่าบำรุงชมรมเป็นที่เรียนร้อยแล้ว แต่ถ้าผู้สมัครไม่ชำระเงินค่าลงทะเบียนแลค่าบำรุงรักษาภายในกำหนด ก็ให้ถือว่าการสมัครคราวนั้นเป็นอันยกเลิก
ข้อ 10 สมาชิกภาพของสมาชิกกิตติมศักดิ์ ให้เริ่มนับตั้งแต่วันที่หนังสือตอบรับคำเชิญของผู้ที่คณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้เชิญเข้าเป็นสมาชิกของชมรม ได้มาถึงยังชมรม
ข้อ 11 สมาชิกภาพของสมาชิกให้สิ้นสุดลงด้วยเหตุดังต่อไปนี้
1. ตาย
2. ลาออก โดยยื่นหนังสือเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการ และคณะกรรมการได้พิจารณาอนุมัติและสมาชิกผู้นั้นได้ชำระหนี้สินที่ยังติดค้างอยู่กับชมรมเป็นที่เรียบร้อย
3. ขาดคุณสมบัติสมาชิก
4. ที่ประชุมของสมาชิกหรือคณะกรรมการได้พิจารณาลงมติให้ลบชื่อออกจากทะเบียน เพราะสมาชิกผู้นั้นได้ประพฤติตัวนำความเสื่อมเสียมาสู่ชมรม
ข้อ 12 สิทธิและหน้าที่ของสมาชิก
1. มีสิทธิเข้าใช้สถานที่ของชมรม โดยเท่าเทียมกัน
2. มีสิทธิเสนอความคิดเห็นเกี่ยวกับการดำเนินการของชมรม ต่อคณะกรรมการ
3. มีสิทธิได้รับสวัสดิการต่างๆ ที่ชมรมได้จัดให้มีขึ้น
4. มีสิทธิเข้าร่วมประชุมของชมรม
5. สมาชิกสามัญมีสิทธิในการเลือกตั้ง หรือได้รับการเลือกตั้ง หรือแต่งตั้งเป็นกรรมการชมรม และมีสิทธิออกเสียงลงมติต่างๆ ในที่ประชุม ได้คนละ 1 คะแนนเสียง
6. มีสิทธิร้องขอต่อกรรมการ เพื่อตรวจสอบเอกสารและบัญชีทรัพย์สินของชมรม
7. มีสิทธิเข้าชื่อร่วมกันอย่างน้อย 1 ใน 5 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า 100 คน ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญได้
8. มีหน้าที่ต้องปฏิบัติตามระเบียบปฏิบัติ และข้อบังคับของชมรมโดยเคร่งครัด
9. มีหน้าที่ประพฤติตนให้สมกับเกียรติที่เป็นสมาชิกของชมรม
10. มีหน้าที่ให้ความร่วมมือและสนับสนุนการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของชมรม
11. มีหน้าที่ร่วมกิจกรรมที่ชมรมได้จัดให้มีขึ้น
12. มีหน้าที่ช่วยเผยแพร่ชื่อเสียงของชมรมมให้เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลาย
หมวดที่ 3
การดำเนินกิจการชมรม
ข้อ 13 ให้มีคณะกรรมการคณะหนึ่ง ทำหน้าที่บริหารกิจการของชมรม มีจำนวนอย่างน้อย 8 คน อย่างมากไม่เกิน 15 คน คณะกรรมการนี้ ได้มาจากการเลือกตั้งของที่ประชุมใหญ่ของชมรม และให้ผู้ที่ได้เลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่ เลือกตั้งกันเองเป็นประธานชมรม 1 คน และรองประธาน 1 คน สำหรับตำแหน่งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ให้ประธานเป็นผู้แต่งตั้ง ผู้ที่ได้รับเลือกตั้งจากที่ประชุมใหญ่เข้าดำรงตำแหน่งต่างๆของชมรม ตามที่ได้กำหนดไว้ ซึ่งตำแหน่งของกรรมการชมรม มีตำแหน่งและหน้าที่โดยสังเขปดังต่อไปนี้
13.1 ประธานชมรม ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าในการบริหารกิจการของชมรม และเป็นผู้แทนชมรมในการติดต่อกับบุคคลภายนอกและทำหน้าที่เป็นประธานในที่ประชุมคณะกรรมการ และการประชุมใหญ่ของชมรม
13.2 รองประธาน ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วยประธานชมรมในการบริหารกิจการของชมรมปฏิบัติตามหน้าที่ที่ประธานชมรม ได้มอบหมายและทำหน้าที่แทนประธานชมรม เมื่อประธานชมรมไม่อยู่ หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ แต่การทำหน้าที่แทนประธานชมรม ให้รองประธานตามลำดับตำแหน่งเป็นผู้กระทำการแทน
13.3 เลขานุการ ทำหน้าที่เกี่ยวกับงานธุรการของชมรมทั้งหมด เป็นหัวหน้าเจ้าหน้าที่ของชมรมในการปฏิบัติกิจการของชมรมและปฏิบัติตามคำสั่งของประธานชมรม ตลอดจนทำหน้าที่เป็นเลขานุการในการประชุมต่างๆของชมรม
13.4 เหรัญญิก มีหน้าที่เกี่ยวกับการเงินทั้งหมดของชมรม เป็นผู้จัดทำบัญชี รายรับ รายจ่าย บัญชีงบดุลของชมรม และเก็บเอกสารหลักฐานต่างๆ ของชมรมไว้เพื่อตรวจสอบ
13.5 ปฏิคม มีหน้าที่ในการต้อนรับแขกของชมรม เป็นหัวหน้าในการจัดเตรียมสถานที่ของชมรม และจัดเตรียมที่ประชุมต่างๆ ของชมรม
13.6 นายทะเบียน มีหน้าที่เกี่ยวกับทะเบียนสมาชิกทั้งหมดของชมรม และประสานงานกับเหรัญญิก ในการเรียกเก็บค่าบำรุงชมรมจากสมาชิก ( ถ้ามี )
13.7 ประชาสัมพันธ์ มีหน้าที่เผยแพร่กิจการและชื่อเสียงเกียรติคุณของชมรม ให้สมาชิก และบุคคลโดยทั่วไปให้เป็นที่รู้จักแพร่หลาย
13.8 กรรมการตำแหน่งอื่นๆ ตามความเหมาะสม ซึ่งคณะกรรมการเห็นควรกำหนดให้มีขึ้น โดยมีจำนวนเมื่อรวมกับตำแหน่งกรรมการตามข้างต้นแล้วจะต้องไม่เกินจำนวนที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้ แต่ถ้าคระกรรมการมิได้กำหนดตำแหน่งก็ถือว่าเป็นกรรมการกลาง
คณะกรรมการชุดแรก ให้ผู้เริ่มการจัดตั้งชมรมเป็นผู้เลือกตั้ง ประกอบด้วยประธานชมรมและกรรมการอื่นๆ ตามจำนวนที่เห็นสมควรตามข้อบังคับของชมรม
ข้อ 14 คณะกรรมการของชมรมสามารถอยู่ในตำแหน่งได้คราวละ 4 ปี และเมื่อคณะกรรมการอยู่ในตำแหน่งครบกำหนดตามวาระแล้ว แต่คณะกรรมการชุดใหม่ยังไม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ ก็ให้คณะกรรมการ ที่ครบกำหนดตามวาระรักษาการไปพลางก่อน จนกว่าคณะกรรมการชุดใหม่จะได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากราชการ และเมื่อคณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการเป็นที่เรียบร้อยแล้วก็ให้ทำการส่งและรับมอบงานกันระหว่างคณะกรรมการชุดเก่าและคณะกรรมการชุดใหม่ให้เป็นที่เสร็จสิ้นภายใน 30 วัน นับตั้งแต่วันที่คณะกรรมการชุดใหม่ได้รับอนุญาตให้จดทะเบียนจากทางราชการ
ข้อ 15 ตำแหน่งกรรมการชมรม ถ้าต้องว่างลงก่อนครบกำหนดตามวาระก็ให้คณะกรรมการ มีการแต่งตั้งสมาชิกสามัญคนใดคนหนึ่งที่เห็นสมควรเข้าดำรงตำแหน่งแทนตำแหน่งที่ว่างลงนั้น ผู้ดำรงตำแหน่งแทนสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ เท่ากับวาระของผู้ที่ตนแทนเท่านั้น
ข้อ 16 กรรมการอาจจะพ้นจากตำแหน่งซึ่งมิใช่เป็นการออกตามวาระด้วยเหตุผลต่อไปนี้คือ
1. ตาย
2. ลาออก
3. ขาดจากสมาชิกภาพ
4. ที่ประชุมใหญ่ลงมติให้ออกจากตำแหน่ง
ข้อ 17 กรรมการที่ประสงค์จะลาออกจากตำแหน่งกรรมการ ให้ยื่นใบลาออกเป็นลายลักษณ์อักษรต่อคณะกรรมการและให้พ้นจากตำแหน่งเมื่อคณะกรรมการมีมติให้ออก
ข้อ 18 อำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการ
18.1 มีอำนาจออกระเบียบปฏิบัติต่างๆ เพื่อให้สมาชิกได้ปฏิบัติ โดยระเบียบปฏิบัตินั้นจะต้องไม่ขัดต่อข้อบังคับฉบับนี้
18.2 มีอำนาจแต่งตั้งและถอดถอนเจ้าหน้าที่ของชมรม
18.3 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการที่ปรึกษา หรืออนุกรรมการได้ แต่กรรมการที่ปรึกษาหรืออนุกรรมการจะสามารถอยู่ในตำแหน่งได้ไม่เกินวาระของคณะกรรมการที่แต่งตั้ง
18.4 มีอำนาจเรียกประชุมใหญ่สามัญประจำปี และประชุมใหญ่วิสามัญ
18.5 มีอำนาจแต่งตั้งกรรมการในตำแหน่งอื่นๆ ที่ยังมิได้กำหนดไว้ ในข้อบังคับนี้
18.6 มีอำนาจบริหารกิจการของชมรม เพื่อให้เป็นไปตามวัตถุประสงค์ตลอดจนมีอำนาจอื่นๆตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
18.7 มีหน้าที่รับผิดชอบในกิจการทั้งหมดรวมทั้งการเงิน และทรัพย์สินทั้งหมดของชมรม
18.8 มีหน้าที่จัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญตามที่สมาชิกสามัญ จำนวน 1 ใน 5 ของสมาชิกทั้งหมดได้เข้าชื่อร้องขอให้จัดประชุมใหญ่วิสามัญขึ้น ซึ่งการนี้จะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่วิสามัญขึ้นภายใน 30 วัน นับแต่วันที่ได้รับหนังสือร้องขอ
18.9 มีหน้าที่จัดทำเอกสารหลักฐานต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องกับการเงิน ทรัพย์สินและการดำเนินกิจกรรมต่างๆ ของชมรมให้ถูกต้องตามหลักวิชาการ และสามารถจะให้สมาชิกตรวจดูได้เมื่อสมาชิกร้องขอ
18.10 จัดทำบันทึกการประชุมต่างๆ ของชมรม เพื่อเก็บไว้เป็นหลักฐานและจัดส่งให้สมาชิกได้รับทราบ
18.11 มีหน้าที่อื่นๆ ตามที่ข้อบังคับได้กำหนดไว้
ข้อ 19 คณะกรรมการจะต้องประชุมกันอย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง โดยให้จัดขึ้นภายใน วันที่.................ของทุกเดือน(ตามความเหมาะสม) ทั้งนี้เพื่อปรึกษาหารือเกี่ยวกับการบริหารกิจการของชมรม
ข้อ 20 การประชุมคณะกรรมการจะต้องมีกรรมการเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของกรรมการทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม มติของที่ประชุมคณะกรรมการ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 21ในการประชุมคณะกรรมการ ถ้าประธานชมรมและรองประธานชมรมไม่อยู่ในที่ประชุม หรือไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้กรรมการเข้าประชุมในคราวนั้นเลือกตั้งกันเอง เพื่อให้กรรมการคนใดคนหนึ่งทำหน้าที่ เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น
หมวดที่ 4
การประชุมใหญ่
ข้อ 22 การประชุมใหญ่ของชมรมมี 2 ชนิด คือ
22.1 ประชุมใหญ่สามัญ
22.2 ประชุมใหญ่วิสามัญ
ข้อ 23 คณะกรรมการจะต้องจัดให้มีการประชุมใหญ่สามัญประจำปีๆละ 1 ครั้ง ภายในเดือนธันวาคม ของทุกๆปี หรือตามมติของคณะกรรมการ
ข้อ 24 การประชุมใหญ่วิสามัญ อาจจะมีขึ้นได้ก็โดยเหตุที่คณะกรรมการเห็นควรจัดให้มีขึ้น หรือเกิดขึ้นด้วยการเข้าชื่อร่วมกันของสมาชิกไม่น้อยกว่า 1 ใน 5 ของสมาชิกสามัญทั้งหมด หรือสมาชิกจำนวนไม่น้อยกว่า ครึ่งหนึ่ง ของสมาชิกทั้งหมด ทำหนังสือร้องขอต่อคณะกรรมการให้จัดให้มีขึ้น
ข้อ 25 การแจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้เลขานุการเป็นผู้แจ้งกำหนดนัดประชุมใหญ่ให้สมาชิกได้ทราบและการแจ้งจะต้องแจ้งเป็นลายลักษณ์อักษร โดยระบุ วัน เวลาและสถานที่ให้ชัดเจน โดยจะต้องแจ้งให้สมาชิกได้ทราบล่วงหน้าไม่น้อยกว่า 7 วัน และประกาศแจ้งกำหนดนัดประชุมไว้ ณ สำนักงานของชมรมเป็นเวลาไม่น้อยกว่า 7 วัน ก่อนถึงกำหนดการประชุมใหญ่
ข้อ 26 การประชุมใหญ่สามัญประจำปี จะต้องมีวาระการประชุมอย่างน้อยดังต่อไปนี้
26.1 แถลงกิจการที่ผ่านมาในรอบปี
26.2 แถลงบัญชีรายรับ รายจ่าย และบัญชีงบดุลของปีที่ผ่านมา ให้สมาชิกรับทราบ
26.3 เลือกตั้งคณะกรรมการชุดใหญ่
26.4 เรื่องอื่นๆถ้ามี
ข้อ 27 ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี หรือการประชุมใหญ่วิสามัญจะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด จึงจะถือว่าครบองค์ประชุม แต่ถ้าเมื่อถึงกำหนดเวลาประชุมยังมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่ครบองค์ประชุม ให้คณะกรรมการของชมรมเรียกประชุมใหญ่อีกครั้งหนึ่ง โดยจัดให้มีการประชุมขึ้นภายใน 14 วัน นับตั้งแต่วันที่นัดประชุมครั้งแรกสำหรับการประชุมในครั้งหลังนี้ ถ้ามีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมเป็นจำนวนเท่าใดก็ให้ถือว่าครบองค์ประชุม ยกเว้นถ้าเป็นประชุมใหญ่วิสามัญที่เกิดขึ้นจากการร้องขอของสมาชิก ก็ไม่ต้องจัดประชุม ให้ถือว่าการประชุมเป็นอันยกเลิก
ข้อ 28 การลงมติต่างๆ ในที่ประชุมใหญ่ ถ้าข้อบังคับมิได้กำหนดไว้เป็นอย่างอื่น ก็ให้ถือคะแนนเสียงข้างมากเป็นเกณฑ์ แต่ถ้าคะแนนเสียงที่ลงมติมีคะแนนเสียงเท่ากัน ก็ให้ประธานในการประชุมเป็นผู้ชี้ขาด
ข้อ 29 ในการประชุมใหญ่ของชมรม ถ้าประธานชมรม และรองประธานชมรมไม่มาร่วมประชุม หรือไม่สามารถจะปฏิบัติหน้าที่ได้ ก็ให้ที่ประชุมทำการเลือกตั้งกรรมการที่มาร่วมประชุมคนใดคนหนึ่งให้ทำหน้าที่เป็นประธานในการประชุมคราวนั้น
หมวดที่ 5
การเงินและทรัพย์สิน
ข้อ 30 การเงินและทรัพย์สินทั้งหมดให้อยู่ในความรับผิดชอบของคณะกรรมการ เงินสด ของชมรมถ้ามีให้นำมาไว้ที่ธนาคาร ออมสิน สาขา บางระกำ
ข้อ 31 ให้ประธานชมรมมีอำนาจสั่งจ่ายเงินของชมรมได้ครั้งละไม่เกิน 5,000 บาท(ห้าพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านั้นจะต้องได้รับอนุมัติจากคณะกรรมการและคณะกรรมการจะอนุมัติให้จ่ายเงินได้ครั้งละไม่เกิน 30,000 บาท (สามหมื่นบาทถ้วน) ถ้าจำเป็นจะต้องจ่ายเกินกว่านี้ ต้องได้รับอนุมัติจากที่ประชุมใหญ่ชมรม
ข้อ 32 ให้เหรัญญิก มีอำนาจเก็บรักษาเงินสดของชมรมได้ไม่เกิน 5,000 บาท(ห้าพันบาทถ้วน) ถ้าเกินกว่านี้ จะต้องนำฝากธนาคารในบัญชีของชมรมทันทีที่โอกาสอำนวย
ข้อ 33 เหรัญญิก จะต้องทำบัญชีรายรับ รายจ่าย ให้ถูกต้อง การรับหรือจ่ายเงินทุกครั้ง จะต้องมีหลักฐานเป็นหนังสือ ลงลายมือชื่อของประธานชมรมหรือผู้ทำการแทน ร่วมกับเหรัญญิกหรือผู้ทำการแทน
หมวดที่ 6
การเปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับการเลิกชมรม
ข้อ 34 ข้อบังคับชมรมจะเปลี่ยนแปลงแก้ไขได้ โดยมติของที่ประชุมใหญ่เท่านั้น และองค์ประชุมใหญ่จะต้องมีสมาชิกสามัญเข้าร่วมประชุมไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด มติของที่ประชุมใหญ่ในการให้เปลี่ยนแปลงแก้ไขข้อบังคับ จะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 2 ใน 3 ของสมาชิกสามัญที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด
ข้อ 35 การเลิกชมรมจะเลิกได้โดยมติของที่ประชุมใหญ่ของชมรม ยกเว้นเป็นการเลิกเพราะเหตุของกฎหมาย มติของที่ประชุมใหญ่ที่เลิกชมรมจะต้องมีคะแนนเสียงไม่น้อยกว่า 3 ใน 4 ของสมาชิกที่เข้าร่วมประชุมทั้งหมด และองค์ประชุมใหญ่จะต้องไม่น้อยกว่าครึ่งหนึ่งของสมาชิกสามัญทั้งหมด
ข้อ 36 เมื่อชมรมต้องเลิก ไม่ว่าด้วยเหตุใดๆก็ตาม ทรัพย์สินของชมรมที่เหลืออยู่ หลังจากที่ได้ชำระบัญชีเป็นที่เรียบร้อยแล้ว ให้ตกเป็นของโรงพยาบาลบางระกำ หรือหน่วยงานที่คณะกรรมการมีความเห็นร่วมกันที่จะยกให้ โดยผู้รับต้องมีฐานะเป็นนิติบุคคล และเป็นหน่วยงานที่มีวัตถุประสงค์เพื่อการกุศลสาธารณประโยชน์
หมวดที่ 7
บทเฉพาะกาล
ข้อ 37 ข้อบังคับฉบับนี้ ให้เริ่มใช้บังคับได้นับตั้งแต่วันที่ ชมรมได้ประกาศให้สมาชิกได้รับทราบ ในวันประชุมใหญ่ของชมรม
ประกาศใช้ ณ วันที่ 9 มีนาคม 2556
ลงชื่อ........................................................ผู้จัดทำ
( นางนุชจารี สว่างวรรณ )
ประธานชมรมเพื่อผู้บกพร่องทางจิต จังหวัดพิษณุโลก