• phone

    Call Center

    091-3853234

  • email

    E-mail

    socials

ข้อแนะนำสำหรับการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน

ข้อแนะนำสำหรับการดูแลผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน


                                                                                                                                                                  โดย นพ.จุมภฎ พรมสีดา * 

อาการแสดงของโรคทางจิตเวช

     1. ความผิดปกติทางการพูด
     2. ความผิดปกติทางอารมณ์และความรู้สึก
     3. ความผิดปกติทางความคิด
     4. ความผิดปกติทางการได้ยิน
     5. ความผิดปกติทางการนอนหลับและการรับประทานอาหาร
     6. ความผิดปกติในด้านการดูแลสุขอนามัยส่วนตัว
     7. ความผิดปกติทางพฤติกรรมที่แสดงออก
     ใครที่ควรจะได้รับการวินิจฉัยว่าป่วยทางจิตเวช อาจประเมินได้จากประวัติและอาการแสดงของผู้ป่วย โดยพิจารณาว่า
     1. มีพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมใช่หรือไม่
     2. พฤติกรรมที่เปลี่ยนไปก่อให้เกิดความทุกข์หรือรบกวนทั้งต่อตนเอง คนในครอบครัว หรือชุมชนใช่หรือไม่
     3. พฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงคือ สิ่งที่ผิดแผกไปจากคนทั่วๆ ไป ในสังคมนั้นเขาทำกันใช่หรือไม่ถ้าใช่ข้อใดข้อหนึ่งในทั้ง 3 ข้อ ก็น่าจะมีความผิดปกติทางจิตซึ่งต้องได้รับการประเมินอย่างละเอียดอีกครั้ง 

สาเหตุของโรคทางจิตเวช

     สาเหตุ พฤติกรรมผิดปกติหรือโรคจิต เกิดได้จาก

      1. ความผิดปกติของสมอง   เพราะ
      - ได้รับสารพิษต่างๆ เช่น สุรา ยากระตุ้น ยาบ้า กัญชา กระท่อม และ/หรือยานอนหลับ
      - ได้รับเชื้อโรค เช่น เชื้อมาลาเรียขึ้นสมอง ไข้เยื่อสมองอักเสบ เชื้อซิฟิลิสขึ้นสมองหรือ พยาธิตัวตืด หรือ จากพิษไข้ เช่น ไทฟอยด์
      - อันตรายที่ศีรษะ เช่น ถูกตีศีรษะ รถคว่ำ หรือ อุบัติเหตุต่าง ๆ ทางศีรษะ
      - เนื้อสมองเปลี่ยนแปลง เช่น หลอดเลือดในสมองแข็ง เนื้องอกในสมองหรือจากวัยชรา
      - กรรมพันธุ์ ซึ่งพบได้น้อยเมื่อเปรียบเทียบกับสาเหตุอื่นๆ
      2. ความผิดปกติของจิตใจ    เพราะ
      - ได้รับความผิดหวัง ความเสียใจ ความกดดันทางจิตใจจากสิ่งแวดล้อม
      - ขาดความรักความอบอุ่นมาตั้งแต่วัยเด็ก ทำให้เป็นคนคิดมาก มีปมด้อย ขาด ประสบการณ์ในการแก้ไขปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับตนเองมีบุคลิกภาพที่ผิดปกติ เช่น เก็บตัว แยกตัว ไม่สุงสิงกับใคร ชอบอยู่คนเดียวและหวาดระแวง
      3. สภาพสังคม เช่น ถูกเอารัดเอาเปรียบ ถูกบีบคั้นทางสังคม อยู่ในที่สังคมแออัด มีฐานะยากจน เป็นต้น

การรักษาโรคทางจิตเวช


     1. การใช้ยา
     - เป็นรูปแบบการรักษาที่ใช้มากที่สุด
     - มีทั้งเป็นแบบเม็ด, น้ำ และแบบใช้ฉีด
     - ต้องทานติดต่อเป็นระยะเวลานานพอสมควรตามที่แพทย์ผู้รักษาแนะนำ
     ผู้ป่วยทางจิตเวชส่วนหนึ่งทานยาไม่ครบตามกำหนดอาจจะเกิดจาก 
     1. อาการดีขึ้นเลยคิดว่าตัวเองหายแล้ว
     2. ผลข้างเคียงจากยา
     3. อาการเจ็บป่วยไม่ได้ดีอย่างรวดเร็วทันใจ 

     ข้อแนะนำที่ควรให้กับผู้ป่วย
     1. ใช้ยาจิตเวชไม่ทำให้เกิดการติดยา
     2. ยาจิตเวชไม่ใช่ยานอนหลับแต่จะทำให้ผู้ป่วยรู้สึกดีขึ้นทำให้ไม่มีความคิดที่ผิดปกติ
     3. ยาจิตเวชอาจมีผลข้างเคียง เช่น ปากแห้ง, ง่วงนอน, กล้ามเนื้อเกร็ง ซึ่งมียาช่วยแก้ไขหรือบรรเทาอาการข้างเคียงเหล่านี้
     4. ต้องรับประทานยาตามที่แพทย์แนะนำถ้าหยุดยาเร็วอาจจะทำให้อาการกลับมาเป็นใหม่ได้ บางรายต้องทานยาตลอดชีวิต
     5. การให้การรักษาแต่เนิ่นๆ จะทำให้ผลการรักษาได้ผลดี
     2.การรักษาด้วยไฟฟ้า ซึ่งทำในผู้ป่วยบางรายโดยจิตแพทย์จะเป็นผู้พิจารณา
     3.การให้คำปรึกษา
     4.การฟื้นฟูสมรรถภาพ
ความบกพร่องที่เกิดจากโรคทางจิตเวช


      ความบกพร่อง (disability) คือการที่คนคนหนึ่งไม่สามารถแสดงบทบาทที่เขาควรจะเป็นได้ หรือสิ่งใดก็ตามที่สังคมคาดหวังว่าคนคนหนึ่งจะสามารถทำได้แต่เขาไม่สามารถทำได้ 

ความบกพร่องด้านต่างๆ


     1. Personal disability
     - มีปัญหาหรือมีความลำบากในการดูแลตัวเอง
     - ไม่สามารถทำกิจกรรมใดๆ ที่เป็นประโยชน์ได้
     - กระสับกระส่าย
      เคลื่อนไหวหรือทำกิจวัตรเฉื่อยช้า
     2. ความบกพร่องในบทบาทของสมาชิกในครอบครัว (disability in the family role)
     - ไม่มีส่วนร่วมในกิจกรรมใดๆ ร่วมกับสมาชิกคนอื่นในครอบครัว
     - ไม่ทำหน้าที่ของคู่สมรส
     - ไม่ทำหน้าที่ของพ่อหรือแม่
     3. ความบกพร่องทางสังคม (social disability)
     - แยกตัวจากคนอื่น
     - ไม่สนใจในด้านใดๆ เหมือนคนอื่นในสังคม
      มีความลำบากในการเข้าสังคม
     4. ความบกพร่องในด้านหน้าที่การงาน (occupational disability)
     - ไม่สนใจหน้าที่การงาน
     - ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
     5. ความบกพร่องทางด้านอารมณ์ (emotional disability)
     - สีหน้าเรียบเฉยไม่ยินดียินร้าย
     - การแสดงออกทางอารมณ์ไม่เหมาะสม 

การประเมินความสามารถ

      ข้อแนะนำ 

     1. ถามคำถามที่เกี่ยวกับความบกพร่องในด้านต่างๆ ทีละด้าน ช้าๆ และชัดเจน
     2. ต้องแน่ใจว่าผู้ตอบคำถามเกี่ยวกับตัวผู้ป่วยเป็นผู้ที่ใกล้ชิดและรู้อาการของผู้ป่วยดี
     3. ต้องถามเรียงไปทีละคำถาม ไม่มีการข้ามคำถามใดคำถามหนึ่ง หรือตอบใช่หรือไม่ใช่โดยคิดเอาเอง เปรียบเทียบพฤติกรรมของผู้ป่วยระหว่างก่อนป่วยกับหลังป่วย
     4. ถ้าผู้ป่วยมีอาการเจ็บป่วยมานานจนไม่สามารถจำพฤติกรรมก่อนป่วยและหลังป่วยได้ให้เปรียบเทียบกับพฤติกรรมของสมาชิกคนอื่นในครอบครัว
     5. ประเมินความรุนแรงของความบกพร่องทางความสามารถโดยดูจากความถี่ บ่อยของพฤติกรรม เช่น เป็นครั้งคราวถือว่าเล็กน้อย (mild) ค่อนข้างบ่อยถือว่าปานกลาง (moderate) และเป็นเกือบตลอดเวลาถือว่า รุนแรง (Severe)


     1. การบกพร่องด้านบุคลิกภาพ
     1.1 ถามเรื่องการรักษาความสะอาดของตัวเอง
     1.2 ถามเรื่องการทำหน้าที่หรือการใช้เวลาในการทำกิจกรรมต่างๆ
     1.3 ทำงานได้รวดเร็วเหมือนเดิมหรือช้าลง หรือไม่รอบคอบเหมือนเคย
     2. ความบกพร่องด้านบทบาทในครอบครัว
     2.1 มีกิจกรรมร่วมกับสมาชิกอื่นในครอบครัวหรือไม่
     2.2 แสดงความรักหรือความใกล้ชิดกับคู่สมรสเหมือนกับก่อนป่วยหรือไม่
     2.3 แสดงพฤติกรรมต่อลูกหรือเด็กในครอบครัวเหมือนเดิมหรือไม่
     3. การบกพร่องทางสังคม
     3.1 ถามถึงความสัมพันธ์กับเพื่อน, เพื่อนบ้าน หรือญาติพี่น้อง
     3.2 แสดงท่าทีที่ไม่เป็นมิตรหรือไม่
     3.3 แสดงความสนใจต่อความเป็นไปของสิ่งแวดล้อมรอบตัวหรือข่าวคราวต่าง ๆ หรือไม่
     4.ความบกพร่องทางการประกอบอาชีพ
     4.1 ผู้ป่วยแสดงความสนใจจะกลับไปเรียนไปทำงานเหมือนเดิมหรือไม่
     4.2 ประสิทธิภาพในการเรียน ในการทำงาน เหมือนเดิมหรือไม่
     5.. ความบกพร่องในการแสดงออกทางอารมณ์
     5.1 การแสดงออกทางอารมณ์ในช่วงป่วยเป็นอย่างไร
     5.2 การแสดงออกทางอารมณ์เหมาะสมกับสิ่งแวดล้อมหรือสถานการณ์ในขณะนั้นหรือไม่

ปฏิกิริยาของคนในชุมชนเมื่อพบผู้ป่วยจิตเวช


     1. กลัว อาจเป็นเพราะ
     - อันตรายจากการก้าวร้าว หรือกลัวผู้ป่วยทำลายข้าวของ
     - ผู้ป่วยจิตเวชมักมีพฤติกรรมที่ทำนายไม่ได้
     - เพราะเชื่อว่าผู้ป่วยมีวิญญาณร้ายสิงร่าง
     - รู้สึกแปลกแยก, ไม่ควรใส่ใจ
     2.โกรธ อาจเป็นเพราะ
     - พฤติกรรมของผู้ป่วยรบกวนหรือสร้างความรำคาญ
     - ผู้ป่วยไม่มีเหตุผลหรือควบคุมยาก
     - ไม่เข้าใจว่าทำไมผู้ป่วยจึงมีพฤติกรรมแบบนั้น
     - ไม่ใช่ความรับผิดชอบของตัวเองแต่ถูกผู้ป่วยมารบกวน
     3. คับข้องใจ, สงสาร
     - เพราะเห็นผู้ป่วยทุกข์ทรมาน
     - เพราะไม่รู้ว่าจะช่วยอย่างไร
     4. ลังเล, หลีกเลี่ยง และรู้สึกแปลกแยก
     - เพราะผู้ป่วยบางคนสกปรก
     - เพราะกลัวจะถูกทำร้าย
     5. น่าขบขัน, น่าเยาะเย้ย
     - เพราะผู้ป่วยทำท่าทางแปลกๆ
     - เพราะผู้ป่วยพูดไม่รู้เรื่อง
     6. สังคมทอดทิ้ง, ถูกตีตราทางสังคม
     - แยกออกจากครอบครัว
     - แยกออกจากสังคม
     7. ละอายใจ
     - สมาชิกในครอบครัวอาจจะรู้สึกละอายใจ ที่ต้องมารับผิดชอบกับการกระทำของผู้ป่วย
     - สมาชิกในครอบครัวอาจคิดว่าเป็นการลงถูกโทษจากการทำผิดอะไรบางอย่าง
ปฏิกิริยาข้างต้นเป็นสิ่งที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ หน้าที่ของบุคลากรทางสาธารณสุขคือให้ความรู้เกี่ยวกับโรคและผู้ป่วยจิตเวชแก่ชุมชนให้เข้าใจซึ่งอาจจะเปลี่ยนทัศนคติที่ไม่ดีได้ 

ทำอย่างไรเมื่อพบผู้ป่วยจิตเวชในชุมชน


     1. บอกตัวเองว่าเขาคือคนป่วยที่ได้รับความทุกข์ทรมาน ซึ่งต้องได้รับการรักษา
     2. ถามตัวเองว่าเป็นการเจ็บป่วยทางจิตเวชชนิดใด
     3. ถามตัวเองว่า
     3.1 ผู้ป่วยและญาติต้องการการช่วยเหลือเบื้องต้นหรือไม่
     3.2 เสี่ยงต่อการฆ่าตัวตาย,เสี่ยงต่อการแสดงพฤติกรรมที่ควบคุมไม่ได้หรือแสดงท่าทางก้าวร้าวหรือไม่ ถ้าใช่ควรพิจารณาส่งต่อให้แพทย์รักษา
     3.3 ถ้าอาการไม่รุนแรงไม่รบกวนมากอาจให้การรักษาหรือส่งต่อแบบไม่เร่งด่วน
     4. พูดคุยกับผู้ป่วยอย่างสงบและอ่อนโยน แสดงท่าทีเป็นมิตรเพราะท่าทีเหล่านี้ผู้ป่วยจะเรียนรู้ว่าท่านเป็นมิตรและจะสามารถช่วยในการฟื้นฟูสภาพในอนาคต
     5. ให้ผู้ป่วยพูดและแสดงการตั้งใจฟัง แม้ว่าจะฟังดูเป็นเรื่องไร้สาระ
     6. ให้ความมั่นใจว่าท่านไม่ได้มีเจตนาร้าย และเข้าใจผู้ป่วย พยายามอธิบายให้ผู้ป่วย ถึงประโยชน์ของยาผู้ป่วยอาจจำเป็นต้องใช้
     7. พยายามเข้าใจผู้ป่วยและญาติในมุมมองของเขาไม่ใช่ตัวท่านเอง
     8. ถ้าผู้ป่วยและญาติต้องการรักษาทางไสยศาสตร์หรือตามความเชื่อเก่าๆ ไม่ควรคัดค้าน หากการรักษานั้นไม่ก่อให้เกิดอันตราย แต่ควรโน้มน้าวให้มารักษาทางแผนปัจจุบันร่วมด้วย
     9. เคารพในสิทธิและศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์
     10. ให้เวลาสำหรับผู้ป่วยและญาติในการอธิบายถึงความเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นพร้อมบอกแนวทางในการรักษา โดยระลึกไว้เสมอว่าการสร้างสัมพันธภาพที่ดีจะทำให้ท่านได้รับความร่วมมือในการดูแลและฟื้นฟูสมรรถภาพของผู้ป่วยในอนาคต 

สิ่งที่ไม่ควรปฏิบัติ


     1. ไม่แสดงอาการตื่นตระหนก ท่าทีที่มั่นคงเป็นสิ่งสำคัญ
     2.ไม่ควรโกรธผู้ป่วยเพราะ ในช่วงเวลานั้นผู้ป่วยไม่สามารถควบคุมตนเองได้เหมือนปกติ
     3. อย่าหัวเราะเมื่อผู้ป่วยแสดงพฤติกรรมแปลกประหลาด
     4. ให้ฟังที่ผู้ป่วยพูด อย่ามัวแต่ซักถามอาการ
     5. อย่าโต้แย้งกับความเชื่อที่ผิด ๆ ให้ฟังอย่างสงบ และให้ความมั่นใจกับผู้ป่วยว่าท่านจะช่วยทำให้ปัญหาต่าง ๆ ดีขึ้น
     6. อย่าพยายามแสดงท่าทีจะต่อสู้หรือคุกคามผู้ป่วย
     7. ไม่ควรเปลี่ยนทัศนคติ ความเชื่อด้านไสยศาสตร์ของผู้ป่วยและญาติ และ ไม่ควรขัดขวางพิธีการใด ๆ หากไม่ทำให้ผู้ป่วยได้รับอันตราย
     8. อย่าเยาะเย้ยถากถางผู้ป่วย
     9. อย่ารับปากกับญาติหรือผู้ป่วยว่าการรักษาจะทำให้หายขาด แต่ให้บอกว่าการรักษาจะทำให้อาการดีขึ้น 

การช่วยเหลือผู้ป่วยที่มีปัญหาด้านจิตเวช


     1. จำไว้เสมอว่าอาการของผู้ป่วยจะดีขึ้นช้า ๆ อย่าคาดหวังผลการรักษาอย่างรวดเร็วทันตา
     2. การตอบสนองต่อการรักษาในผู้ป่วยแต่ละรายไม่เหมือนกันบางคนตอบสนองต่อการรักษาช้า บางคนตอบสนองต่อการรักษาเร็ว
     3. ตั้งเป้าหมายในการรักษาและการฟื้นฟูตามสภาพความเป็นจริง เลือกงานหรือกิจกรรมที่ง่าย และผู้ป่วยสนใจ และเป็นขั้นตอนที่ชัดเจน เพื่อผู้ป่วย จะปฏิบัติตามได้ง่าย
     4. ช่วงแรกอาจต้องช่วยกำกับดูแลอย่างใกล้ชิดแล้วค่อย ๆ ให้ผู้ป่วยทำกิจกรรมหรืองานที่ได้รับมอบหมายด้วยตัวเอง
     5. ค่อย ๆ เพิ่มเป้าหมายขึ้นทีละน้อยจนถึงระดับที่เหมาะสมกับความสามารถของผู้ป่วย
     6. ชมเชยเมื่อผู้ป่วยทำได้ตามที่คาดหวัง
     7. ให้สมาชิกในครอบครัวมีส่วนช่วยในการฟื้นฟูสมรรถภาพ 
การดูแลผู้ป่วยด้านจิตเวช จะต้องทำสิ่งต่าง ๆ ดังต่อไปนี้ โดยไม่คำนึงว่าผู้ป่วยบกพร่องด้านใด
หรือบกพร่องรุนแรงเพียงใด 

     1. เยี่ยมผู้ป่วยอย่างสม่ำเสมอ
     2. ให้เวลากับสมาชิกในครอบครัวผู้ป่วย เพื่อพูดคุยอาการของผู้ป่วยและให้กำลังใจ
     3. เตือนให้ไปพบแพทย์เพื่อรับยาอย่างสม่ำเสมอ
     4. เตือนให้รับประทานยาตามที่แพทย์สั่ง
     5. อย่าให้ใครมาเยาะเย้ยหรือรบกวนผู้ป่วย


การช่วยเหลือครอบครัวผู้ป่วย


     เมื่อมีผู้ป่วยจิตเวชในครอบครัว สมาชิกแต่ละคนหรือแต่ละครอบครัวจะมีปฏิกิริยาต่ออาการของผู้ป่วยแตกต่างกัน ดังนี้
     1. ปฏิเสธ
     บางครอบครัวอาจทำเหมือนไม่รับรู้ว่าผู้ป่วยมีความผิดปกติแม้ได้รับคำแนะนำจากคนรอบข้างหรือเจ้าหน้าที่ โดยอาจจะคิดว่า
     - ผู้ป่วยอาจเป็นแค่อาการเครียดธรรมดา
     - ถ้าให้ผู้ป่วยอยู่เงียบ ๆ คนเดียวอาจจะทำให้ดีขึ้น
     - การแต่งงาน หรือการหางานให้ทำอาจจะทำให้เขาดีขึ้น
     - พาไปพึ่งไสยศาสตร์หรือทำพิธีตามวัดก็อาจจะทำให้ผู้ป่วยหายได้
     - การเปลี่ยนสิ่งแวดล้อมอาจจะช่วยให้ผู้ป่วยหายได้
     2. กลัว หลังจากผ่านระยะปฏิเสธมาแล้ว และสมาชิกในครอบครัวรับรู้ว่ามีผู้ป่วยจิตเวชในครอบครัว บางคนจะรู้สึกผิดว่าเป็นเพราะบาปกรรมที่ทำไว้ในอดีต รู้สึกอาย แสวงหาการรักษา บางคนไม่กล้าเข้าใกล้เพราะกลัวจะถูกทำร้าย
     3. โกรธ
     4. แปลกแยก


     ปฏิกิริยาของสมาชิกในครอบครัวเมื่อรู้ว่าผู้ป่วยจิตเวช มีความบกพร่องด้านสมรรถภาพ
     1. ปฏิเสธ
     2. โกรธ,สิ้นหวัง
     3. ปกป้องมากจนเกินไป


การช่วยเหลือ


     1. รับฟังและแสดงความจริงใจ บางครั้งสมาชิกในครอบครัว อาจจะแสดงอาการเศร้า , โกรธ , ไม่เป็นมิตร ซึ่งต้องอดทนและรับฟังและพึงระลึกไว้เสมอว่า ครอบครัวนี้อยู่ในช่วงการเสียใจและพวกเขาต้องอยู่กับปัญหาที่หนักหน่วง ทุก ๆ วัน
     2. พยายามประเมินว่าสมาชิกในครอบครัวรู้สึกอย่างไร
     3. หาปัญหาหลักของครอบครัวในการดูแลผู้ป่วยคืออะไร
     4. หาจุดแข็งและส่วนดีที่มีอยู่ในครอบครัว


เอกสารอ้างอิง


     1. กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข. การฟื้นฟูสมรรถภาพผู้พิการในชุมชน เรื่องการฝึกผู้ที่มี พฤติกรรมผิดปกติ. กรุงเทพฯ : โรงพิมพ์องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก.
     2. H. Sel,V. Nagaswami. Promoting independence of people disabilities due to mental disorders. Geneva: WHO. 1997.

 

*นายแพทย์ 8 ผู้อำนวนการศูนย์สุขภาพจิตที่ 6ศูนย์สุขภาพจิตที่ 6